เราตื่นรู้มากแค่ไหน...
(Key Behavior Indicator)
อ.มาศเอาตัวชี้วัดว่า “ตื่นรู้” มากแค่ไหน
(Key Behavior Indicator)
โดย ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ มาฝาก...
๑) สดใสขึ้น ใจว่างๆ โล่งๆ
(ใจดี หรือ ดีใจ ไม่เหมือน ใจโล่งๆ นะ)
ไม่อมทุกข์ ไม่หน้าบึ้ง
๒) ยิ้มง่ายขึ้น ยิ้มให้คนอื่นก่อน ไม่ต้องรอให้คนอื่นยิ้มให้ก่อน
๓) ไหว้คนอื่นได้ก่อน ไม่มีข้อแม้ว่า ใครต้องไหว้ใครก่อน
๔) ถ่อมตน ไม่เจ้ายศ ไม่เจ้าอย่าง ง่ายๆ ติดดิน
๕) รับผิดชอบงานมากขึ้น ไม่อ้าง ไม่หนี อดทน ยอม
๖) มีเมตตามากขึ้น ใช้เมตตาธรรมนำหน้าเหตุผล
๗) ดู สังเกต มากกว่าที่จะด่วนวิจารณ์ ด่วนออกอาการ ด่วนออกอารมณ์ แม้นจะโดนด่า โดนเข้าใจผิด ก็ยังอดทน ควบคุมตนเองได้ ง่ายๆ ปล่อยๆ ไม่เอาเรื่อง ไม่เอาก็ได้
๘) เปิดโอกาสผู้อื่นพูดมากขึ้น ฟังมากขึ้น ไม่ด่วน “สวนกลับ” ไม่ด่วน “หักคอ” ไม่ด่วนสรุป ไม่ด่วนฟันธง ไม่แทรกแซงขณะคนอื่นกำลังพูด อัตราการเต้นของหัวใจปกติ ไม่ตูมตาม เมื่อโดนคนอื่นด่า
๙) ยอมรับ เปิดใจ ยอมรับ ความคิดเห็นที่แตกต่างได้ รับฟังอีกมุมมองได้
๑๐) ขยันๆ และ ”กล้า” ลงมือทำ ในเรื่องที่ดี เป็นกุศล ต่างๆ ทันที โดยไม่มีข้อแม้ ไม่เอาเรื่องในอดีตมาทำให้สะดุดในการที่จะทำ ไม่เอาเรื่องในอนาคตมาหยุดตนเอง ทำตามเป้าหมายได้ ไม่วอกแวก รู้จัก focus
๑๑) กตัญญู พ่อแม่ ไปหา ไปดูแล ไปคุย กับผู้มีพระคุณมากขึ้น ครูเก่า เจ้านายที่เคยช่วยสอน ผู้มีอุปการะคุณ ฯลฯ
๑๒) สัตว์เลี้ยงต่างๆ จะเดินเข้ามาหา เพราะคนที่ใจสงบ ตื่นรู้ บรรดาสัตว์ในธรรมชาติ เขาจะ รับรู้
๑๓) ไม่เมาบุญ ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร
๑๔) "ให้" บริจาค จิตอาสา ทำเพื่อส่วนรวม มากขึ้น
๑๕) รู้สึกว่าตนเอง เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รู้สึกว่า ผู้คนกับตัวเอง เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่รู้จะทำลายกันไปทำไม
๑๖) คบ บัณฑิต หลวงปู่ หลวงพ่อ ที่ดีๆ มากขึ้น ไปหา ไปฟังธรรมจากท่าน ตามโอกาส
๑๗) ห่างไกลคนพาล อบายมุข
๑๘) รักษาศีล๕มากๆ ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ขโมย ไม่ผิดกาม ไม่โกหกหลอกลวง ไม่ทานของมึนเมา
๑๙) ชื่นชม (Appreciation) ผู้คน ยินดีที่คนอื่นได้ดี หรือ มี มุทิตา นั่นเอง
๒๐) ไม่นินทาใคร ไม่ทำให้ใครแตกแยก ชวนให้คนสามัคคีกัน
๒๑) ไม่กังวล หลับสบาย หลับง่าย
๒๒) ไม่ค่อยฝันร้าย เช่น ในฝันไม่รู้สึกวิ่งยากลำบาก ก้าวขาไม่ออกอีกต่อไป ไม่ฟันว่าฟันหัก ไม่ฝันว่า กลับไปเป็นเด็กแล้วเครียดก่อนสอบ อีก
๒๓) ฝันดีบ่อย เช่น เจอพระ เจอคนดีๆ ตื่นขึ้นมาแล้วสดชื่น มีความสุข
๒๔) นึกอะไร อยากได้อะไรที่ดีๆ เป็นกุศล ไม่นานก็จะได้ หรือ มีคนเอามาให้
๒๕) ยอมคน เช่น ยอมให้แซงคิว ยอมให้เอาเปรียบ ยอมให้ต่อว่า ฯลฯ แต่คิดเตือนอย่างนุ่มนวล
๒๖) ไม่ด่วน ”ประเมิน” ตัดสิน ตัดเกรด แบ่งแยก พิพากษา (judgement) ผู้คน ห้อยแขวน (suspend) เอาไว้ก่อน ดูมากขึ้น เผื่อคาดไม่ถึงบ้าง
๒๗) รักผู้คนแบบไม่มีเงื่อนไข (Unconditional love) ไม่หวังผล ให้ก็คือให้ ไม่มีข้อแม้ ไม่อิจฉา ไม่ริษยา
๒๘) รู้จักสติที่ฐานกาย ใช้ “กายรู้กาย” ได้มากขึ้น นานขึ้น ต่อเนื่องมากขึ้น รู้ๆทุกก้าว ทุกอิริยาบท
๒๙) ”จับ” ความรู้สึก ที่ “ใจ” ของตนเองได้ รู้ว่าใจกุศล อกุศล
๓๐) “แยกแยะ” จิต กับ ความคิด ได้ รู้จักความคิดจร (ความคิดนอกแผน ความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจคิด ความคิดที่ชวนไปเละเทะ ฟุ้งซ่าน ออกนอกทาง ฯลฯ) เป็น นีโอ ที่ สามารถจับกระสุนความคิด ที่ กิเลสยิงใส่มาได้
๓๑) กลับไปอ่าน หนังสือธรรมะ แล้ว เข้าที่ “ใจ”มากขึ้น ร้อง “อ๋อ” มากขึ้น
๓๒) ไม่กลัวตาย สิ้นข้อสงสัย และ ไม่งมงายในศีลภายนอก
ขอให้ทุกท่านมีความสุข...